Buy Now Pay Later

Buy Now Pay Later เทรนการเงินดิจิตอลใหม่

Buy Now Pay Later BNPL : หรือที่เรียกกันว่า ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง รูปแบบบริการใหม่บนธุรกิจ Ecommerce

Buy Now Pay Later ที่อาจจะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ บรรดาบัตรเครดิต ทั้งหลาย โดยที่จุดเด่นคือการขายแบบเชิงจิตวิทยาผสม ลูกค้าสามารถผ่อนจ่ายได้โดยไม่ต้องมีบัตรเครดิต ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีราคาสูงได้ง่ายมากขึ้น เพราะไม่มีดอกเบี้ย เหมือนกับบัตรเครดิต โดยลักษณะบริการจะเป็นแบบการบริการการเงินที่จุดขาย หลังจากที่ระบบทำการตรวจสอบตัวตนของผู้ซื้อเรียบร้อยแล้ว จะอนุมัติให้ทำธุรกรรมได้ โดยที่ลูกค้าอาจจะต้องชำระเงินมาก่อนเป็นจำนวณ 20-30%ของราคาสินค้า แล้วแต่ละที่จะกำหนด เสร็จแล้วลูกค้าสามารถทำการผ่อนชำระได้เป็นรอบ ๆ เช่นทุกสัปดาห์ หรือทุกๆเดือนและสามารถชำระเงินสดผ่านธนาคาร หักจากบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตได้อัตโนมัติ

โดยรวมแล้วการใช้บริการแบบ BNPL นี้อาจจะไม่ต่างจากการใช้บัตร เครดิตชำระเท่าไหร่ แต่จุดเด่นของมันคือ ไม่เก็บดอกเบี้ย หรือค่าธรรมเนียมรายปีใดๆเพิ่มเติม ต่างจากส่วนของบัตรเครดิตที่เมื่อลูกค้ามีกำหนดต้องชำระเงินทุกเดือน ทำให้เกิดเป็นคือยอดสินเชื่อคงค้างตามมา ยิ่งถ้าระยะเวลาผ่อนชำระนานมากเท่าไร การคิดดอกเบี้ยก็จะเพิ่มจากเงินต้นมากขึ้นในทุก ๆ งวด ซึ่งจะส่งผลให้เกิดหนี้ได้โดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ เงื่อนไขการขอใช้บริการ BNPL ไม่ซับซ้อนและใช้เวลาอนุมัติง่ายกว่าบัตรเครดิตอยู่มาก จึงทำให้ในปัจจุบัน ผู้บบริโภคเริ่มนิยมใช้รูปแบบวิธีการชำระเงิน BNPL มากขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วยจากการทำการสำรวจสถิติการใช้บริการนี้พบว่ากลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่จะอยู่ที่ช่วงอายุ 20-40 ปีและมีสัดส่วนเป็นวันทำงานนอัตราส่วนที่สูงถึง50% จากผู้บริโภคกลุ่มนี้ทั้งหมดและส่วนใหญ่ในนี้ใช้ BNPL เป็นหลักในการเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค บน Ecommerce

aaneotech

โดยที่สาเหตุที่เป็นปัจจัยหลัก ๆ คือสภาวะทางเศรษฐกิจ โควิด-19

ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินการตัดสินใจในการซื้อของสินค้าอุปโภคบริโภคและนำไปเกิดซึ่งความกังวลว่าจะมีหนี้เสียที่มาจากบัตรเครดิต ระบบนี้ทำให้ลูกค้ากลัวหนี้สินและเครดิต ผู้คนมีภาพจำเครดิต หนี้ และดอกเบี้ยเสมือนเป็นความเสี่ยง และไม่อยากให้ตนเองมาเผชิญเหมือนกับที่พ่อแม่เขาต้องเจอเชื่อว่า BuyNowPayLaterเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงกับบัตรเดบิต ทำให้คนสบายใจจะใช้จ่ายมากขึ้น เพราะผ่อนจ่ายได้แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องดอกเบี้ย แพลตฟอร์ม BNPL ซึ่งมีอยู่ในตลาดปัจจุบันอย่างเช่น Klarna, Affirm และ Afterpay ที่จะเข้ามาเป็นทางเลือกสำหรับการชำระเงินเมื่อเราซื้อของออนไลน์ จากเดิมที่มีเพียงบัตรเครดิต บัตรเดบิตและE-walletแบรนด์ต่างๆ

BNPLจะอาศัยเพียงข้อมูลทั่วไปอาทิชื่อที่อยู่อายุอาชีพรายได้เลขที่บัญชีธนาคารรวมไปถึงการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าออนไลน์เพื่อทำการประเมินความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ ก็สามารถได้รับอนุมัติวงเงินแล้ว และทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่นานสำหรับรายได้หลักของแพลตฟอร์มBNPLจะมาจากการคิดค่าบริการแพลตฟอร์มกับทางร้านค้าซึ่งกลุ่มลูกค้าก็จะมีตั้งแต่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเช่นShopify และ Walmartรวมถึงแบรนด์ชั้นนำมากมาย ไปจนถึงร้านค้าขนาดย่อมที่บริการแพลตฟอร์มBNPLเป็นที่นิยมในหมู่ร้านค้าก็เพราะว่าแม้ลูกค้าจะชำระเงินทีหลังแต่ร้านค้าจะได้เงินทันทีจากเจ้าของแพลตฟอร์มBNPLเลย ทางร้านค้าจึงไม่มีปัญหาเรื่องกระแสเงินสดโดยทางแพลตฟอร์มBNPLจะรับความเสี่ยงไว้เองและถึงแม้ว่าต้นทุนค่าบริการแพลตฟอร์มBNPLจะสูงกว่าเครื่องรูดบัตรเครดิตแต่กลายเป็นว่าทางร้านค้ากลับเต็มใจจ่ายเพราะแพลตฟอร์มBNPLถือว่าเป็นการเพิ่มทางเลือกของการชำระเงิน รวมถึงสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับลูกค้า ทำให้โอกาสในการตัดสินใจซื้อสินค้าของลูกค้าจึงมีมากขึ้นตามไปด้วย

อย่างไรก็ดีแพลตฟอร์ม นี้ ยังเป็นที่ถกเถียงกันในหลายเรื่อง อย่างเช่น การส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ใช้เงินเกินตัว หรือการประเมินความเสี่ยงลูกค้าที่หละหลวมเกินไป รวมถึงยังไม่มีกฎเกณฑ์ที่ออกมาควบคุมธุรกิจกลุ่มนี้โดยตรง แต่ข้อกังขาเหล่านี้อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญเมื่อเทียบกับการเติบโตของธุรกิจ BNPL ได้อย่างก้าวกระโดด นั่นก็คงเพราะเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถตอบโจทย์เรื่องความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน ทั้งกลุ่มร้านค้าและผู้บริโภคได้นั่นเอง