6 เทคโนโลยี ที่มีบทบาทสำคัญในปี 2022 และต่อไปอีก 5 ปีข้างหน้า
6 เทคโนโลยี มาใหม่ที่โลกต้องจับตามาองโดยเฉพาะกับธุรกิจ ที่จะต้องเผชิญกับ การแข่งขันระหว่างนัก disrupt กับเจ้าของตลาด ที่จะมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นและไม่อาจจะลีกเลี่ยงได้ การแข่งขันกันเป็น Super Apps ของแต่ละเจ้า รวมถึงการที่นำเทคโนโลยีมา Disrupt ตัวเองเพื่อให้ได้ไปต่อได้ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของภาวะโรคระบาด เมื่อพูดถึงเทรนด์เทคโนโลยีที่คาดการณ์กันว่าจะขับเคลื่อนโลกของการทำธุรกิจ และ การพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอีก 5 ปีข้างหน้าว่ามีอะไรบ้างเราลองมาทำความรู้จักกับมันว่าจะสมารถนำมาใช้งานกับองค์กรของเราได้อย่างไรบ้าง และรวมไปถึงเทคโนโลยีเหล่านั้นจะส่งผลต่อวิถีชีวิตในปัจจุบันและอนาคตอย่างไรบ้างในปี 2022 นี้
สารบัญ
- Generative AI
- Data Fabric
- Cybersecurity Mesh
- Internet of Behaviors (IoB)
- Cloud-Native Platforms
- Total Experience
1. Generative AI
Generative AI (ปัญญาประดิษฐ์ ที่พัฒนาไปมากกว่าเดิม)
ในยุคสมัยใหม่ที่ดูเหมือนจะมีนวัตกรรมเทคโนโลยีเกิดขึ้นและพัฒนาได้ตลอดเวลา การคิดค้นอะไรใหม่ๆ เลยอาจจะดูเป็นเรื่องที่มีความท้าทายสำหรับมนุษย์มากขึ้น การพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใหม่ ๆ จึงทำให้เกิด AI ที่สามารถเรียนรู้จากข้อมูล และสรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ที่คล้ายกับของเดิมแต่ไม่ทำซ้ำได้ โดย generative AI มีศักยภาพในการสร้างเนื้อหาสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ ๆ อย่างรูปภาพหรือวิดีโอ ข้อมูลต่าง ๆ Dell Latitude รวมถึงเร่งวงจรการวิจัยและพัฒนาใน ตั้งแต่การแพทย์ไปจนถึงการสร้างผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีอวกาศ และอีกหลากหลายด้าน AI ยังคงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง องค์กรก็พยายามที่จะทำให้ AI เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการการทำงานต่างๆ ดังนั้น องค์กรจึงต้องมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านนี้ เพื่อให้สามารถปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มมูลค่าให้องค์กรได้จริง และสามารถต่อยอดไปได้อีกไม่รู้จบ ตามความต้องการของมนุษย์ที่มีเพิ่มขึ้น
2. Data Fabric
Data Fabric (เทคโนโลยีการจัดการประมวลผลข้อมูลขั้นสูง)
โลกของเราต้องรองรับข้อมูลมหาศาลที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่มีสิ้นสุด การจัดการกับข้อมูลมหาศาลขนาดนี้สิ่งที่จำเป็นอย่างมากในอนาคต คือ เทคโนโลยีที่จัดการข้อมูลที่กระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆได้อย่างง่ายดาย และปลอดภัย เหมือนเป็นข้อมูลผืนเดียวกัน และยังทำให้เราสามารถดึงข้อมูลมาใช้งานได้ทันทีไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก data fabric ยังสามารถเรียนรู้การดึงข้อมูลมาใช้และแนะนำการจัดการข้อมูลได้ด้วย นั่นทำให้เราสามารถลดภาระในการจัดการข้อมูลลงได้ถึง 70% ของการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้นอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นองค์กรด้านใด การจัดการกับข้อมูลล้วนเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ทำให้การจัดการข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเป็นไปอย่างไม่มีข้อจำกัด และถือเป็นสิ่งที่องค์กรต้องจัดการกับสิ่งนี้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะนี่ถือเป็นจุดแข็งของทุกธุรกิจ ที่จะสามารถเอาชนะปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
3. Cybersecurity Mesh
Cybersecurity Mesh (โครงข่ายความปลอดภัย)
เทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ได้จากทุกที่ โดยใช้ Identity เป็นระบบรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ซึ่งการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญในโลกที่ทุกอย่างกำลังถูก digitize ในช่วงเวลาของทำงานนอกสถานที่แบบนี้ เราจำเป็นต้องมีการใช้ความปลอดภัยทางเทคโนโลยีที่ช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างปลอดภัยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเพื่อให้เรามั่นใจถึงความปลอดภัยของข้อมูลที่มีความเปราะบางทั้งหลาย แนวคิดในการสร้างระบบที่อนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดพื้นที่หรือระบุตัวตนเพื่อใช้ทรัพยากรได้จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่หลายองค์กรต้องลงทุน เพื่อป้องกันปัญหาข้อมูลรั่วไหลแบบที่เห็นกันอยู่ในยุคที่มีกฎกติกาและความกังวลจากสาธารณะเกี่ยวกับการใช้และปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้น หลายองค์กรจึงต้องเร่งพัฒนาระบบและสภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยีเพื่อจะประมวลผลข้อมูลได้อย่างปลอดภัย รวมถึงสามารถส่งต่อข้อมูลเหล่านั้นเพื่อประมวลผลข้ามองค์กรด้วย เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยต่างๆ จึงถูกนำมาใช้เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้ในขณะที่ยังเป็นไปตามข้อกำหนด และลดความกังวลของผู้บริโภค
4. Internet of Behaviors (IoB)
Internet of Behaviors (IoB) (วิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้ โดยใช้จิตวิทยาเชิงพฤติกรรม)
ถ้าคุณจะพูดถึง Internet of Behaviors (IoB) ก็คงต้องพูดถึง (IoT) Internet of Things ไปด้วยเพราะเปรียบเสมือนการพูดถึง นามธรรม และ รูปธรรมนั่นเอง ส่วนของ IoT นั้นมีการเพิ่มขึ้นและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในด้านของความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน ในด้านของ IoB นั้นต่างออกไปแค่กลายเป็นนามธรรมกล่าวคือเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลโดยอิงตามมุมมองเชิงจิตวิทยาพฤติกรรมของผู้ใช้ การศึกษาดังกล่าวมีผลโดยตรง
5. Cloud-Native Platforms
Cloud-Native Platforms (เทคโนโยลีคลาวด์แบบใหม่)
ในยุคนี้และยุคต่อๆ ไป เราจะได้เห็นการพัฒนาแอพฯ ที่รองรับการประมวลผลบนคลาวด์โดยแอพฯ เหล่านั้นจะออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่น เพื่อให้เข้ากับการประมวลผลบนคลาวด์ที่ทันสมัย สามารถเพิ่มลดขนาดได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการ และประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่รวดเร็ว
6. Total Experience
Total Experience (การสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุด)
การออกแบบประสบการณ์ในยุคนี้ จะไม่ได้มุ่งเน้นแค่ผู้ใช้หรือลูกค้าเป็นหลัก หากแต่ต้องรวมเอาประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งจากผู้ให้และผู้รับบริการ รวมถึงในทุกๆ ช่องทางที่เป็นไปได้ และนั่นจะนำไปสู่ความเชื่อมั่น ความพึงพอใจ และความภักดีที่เราจะได้รับทั้งจากพนักงานและลูกค้า
ความน่าเชื่อถือทางวิศวกรรมเทคโนโลยีเหล่านี้สร้างรากฐานด้านไอทีที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าข้อมูลจะถูกรวมและประมวลผลอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้นทั้งบนคลาวด์และไม่ใช่คลาวด์ และทำให้บริษัทสามารถสเกลโครงสร้างด้านไอทีได้อย่างคุ้มค่าการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปร่าง การเปิดตัวโซลูชันเทคโนโลยีใหม่ที่สร้างสรรค์ จะทำให้องค์กรสามารถปรับขนาดและเร่งความเร็วของการทำองค์กรให้เป็นดิจิทัลได้ แนวโน้มเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้คุณตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการสร้างแอพฯ ให้เร็วขึ้นเพื่อทำให้กิจกรรมทางธุรกิจเป็นอัตโนมัติทั้งหมด เพิ่มประสิทธิภาพปัญญาประดิษฐ์ (AI) และช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้นการเติบโตแบบก้าวกระโดดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ องค์กรจะสามารถทวีคูณความสามารถด้านดิจิทัลที่จะทำให้เอาชนะทางธุรกิจและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้
ติดตามข่าวสารได้ที่ FB: A&Aneotech
Dell Latitude ดูสินค้าสอบถาม/ขอใบเสนอราคาได้ที่ Line@ AANEOTECH