มัลแวร์ (Malware) ย่อมาจาก MALicious SOFTWARE หมายถึง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือซอฟต์แวร์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความเสียหายให้กับระบบคอมพิวเตอร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ มัลแวร์มีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีวิธีการทำงาน เป้าหมาย และผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป
ประเภทของมัลแวร์ที่พบบ่อย
ไวรัส (Virus): โปรแกรมที่แฝงตัวมากับไฟล์หรือโปรแกรมอื่นๆ เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ ไวรัสจะคัดลอกตัวเองไปยังไฟล์อื่นๆ และอาจสร้างความเสียหายให้กับระบบ เช่น ลบไฟล์ เปลี่ยนแปลงข้อมูล หรือรบกวนการทำงานของโปรแกรมอื่นๆ
เวิร์ม (Worm): โปรแกรมที่สามารถแพร่กระจายตัวเองไปยังเครื่องอื่นๆ ผ่านเครือข่าย โดยไม่ต้องอาศัยผู้ใช้ เวิร์มมักสร้างความเสียหายโดยการกินทรัพยากรระบบ แพร่กระจายมัลแวร์อื่นๆ หรือโจมตีระบบเครือข่าย
โทรจัน (Trojan): โปรแกรมที่ปลอมตัวเป็นโปรแกรมที่มีประโยชน์ เมื่อผู้ใช้ติดตั้งโทรจัน โปรแกรมจะเปิดช่องทางให้แฮ็กเกอร์เข้าควบคุมเครื่องของผู้ใช้ ขโมยข้อมูลส่วนตัว รหัสผ่าน หรือทำลายระบบ
แรนซัมแวร์ (Ransomware): โปรแกรมที่เข้ารหัสไฟล์บนเครื่องของผู้ใช้ และเรียกร้องค่าไถ่เพื่อปลดล็อกไฟล์ แรนซัมแวร์มักโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลหรือนิติบุคคล เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน หรือบริษัท
สปายแวร์ (Spyware): โปรแกรมที่ติดตามพฤติกรรมการใช้งานคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ขโมยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลบัญชีธนาคาร หรือรหัสผ่าน
แอดแวร์ (Adware): โปรแกรมที่แสดงโฆษณาที่ไม่ต้องการบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ แอดแวร์มักแฝงตัวมากับโปรแกรมฟรี เมื่อผู้ใช้ติดตั้งโปรแกรม แอดแวร์จะติดตั้งไปพร้อมกันโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ยังมีมัลแวร์ประเภทอื่นๆ อีกมากมาย เช่น:
Bootkit: โปรแกรมที่โหลดตัวเองเข้าสู่หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ก่อนระบบปฏิบัติการ โปรแกรมจะซ่อนตัวและควบคุมระบบ
Rootkit: โปรแกรมที่ให้สิทธิ์เข้าถึงระบบแก่ผู้ใช้ที่ไม่ใช่เจ้าของ โปรแกรมมักใช้เพื่อควบคุมคอมพิวเตอร์จากระยะไกล
Keylogger: โปรแกรมที่บันทึกแป้นพิมพ์ที่ผู้ใช้กด โปรแกรมมักใช้เพื่อขโมยรหัสผ่านหรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ
Cryptojacking: โปรแกรมที่ใช้ทรัพยากรระบบของผู้ใช้เพื่อขุดคริปโตเคอร์เรนซี
อันตรายจากมัลแวร์
มัลแวร์ (Malware) นั้นสร้างความเสียหายได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทของมัลแวร์และเป้าหมายของผู้โจมตี
ต่อไปนี้คือตัวอย่างอันตรายบางประการที่มัลแวร์อาจก่อให้เกิดขึ้น
1. ความเสียหายต่อระบบ:
ระบบทำงานช้าลง: มัลแวร์บางประเภท เช่น เวิร์ม (Worm) อาจใช้ทรัพยากรระบบจำนวนมาก ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง
ระบบล่มบ่อย: มัลแวร์บางประเภท เช่น ไวรัส (Virus) อาจทำลายไฟล์ระบบ หรือเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าระบบ ทำให้ระบบล่มบ่อย
สูญเสียข้อมูล: มัลแวร์บางประเภท เช่น แรนซัมแวร์ (Ransomware) อาจเข้ารหัสไฟล์บนเครื่องผู้ใช้ หรือลบไฟล์ ทำให้สูญเสียข้อมูลสำคัญ
2. การขโมยข้อมูล:
ขโมยข้อมูลส่วนตัว: มัลแวร์บางประเภท เช่น สปายแวร์ (Spyware) อาจติดตามพฤติกรรมการใช้งานคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ขโมยข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล รหัสผ่าน ข้อมูลบัตรเครดิต หรือข้อมูลทางการเงิน
ขโมยข้อมูลองค์กร: มัลแวร์บางประเภทถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กร ขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลพนักงาน หรือความลับทางการค้า
3. การสูญเสียความเป็นส่วนตัว:
ถูกติดตามพฤติกรรมการใช้งาน: มัลแวร์บางประเภท เช่น สปายแวร์ อาจติดตามเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้าชม โฆษณาที่ผู้ใช้คลิก อีเมลที่ผู้ใช้เปิดอ่าน ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปวิเคราะห์เพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ หรือขายให้กับบริษัทอื่นๆ
ถูกส่งโฆษณาที่ไม่ต้องการ: มัลแวร์บางประเภท เช่น แอดแวร์ (Adware) แสดงโฆษณาที่ไม่ต้องการบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ โฆษณาเหล่านี้อาจรบกวนการใช้งาน หรือเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์
4. การถูกเรียกร้องค่าไถ่:
แรนซัมแวร์เข้ารหัสไฟล์: แรนซัมแวร์เข้ารหัสไฟล์บนเครื่องผู้ใช้ ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ได้ แฮ็กเกอร์จะเรียกร้องค่าไถ่เพื่อปลดล็อกไฟล์
สูญเสียเงิน: ผู้ใช้มักยอมจ่ายค่าไถ่เพื่อกู้ข้อมูลคืนมา แต่การจ่ายค่าไถ่ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าจะได้ไฟล์คืนเสมอไป และยังสนับสนุนให้แฮ็กเกอร์มีแรงจูงใจในการโจมตีผู้อื่นต่อไป
วิธีป้องกันมัลแวร์:
ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส: โปรแกรมป้องกันไวรัสสามารถสแกนและกำจัดมัลแวร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์
อัปเดตซอฟต์แวร์: ผู้ใช้ควรอัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการอยู่เสมอ เพื่อปิดช่องโหว่ที่มัลแวร์อาจใช้โจมตี
ระวังการคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ: มัลแวร์มักถูกส่งผ่านอีเมล หรือเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย
ใช้รหัสผ่านที่คาดเดายาก: ผู้ใช้ควรตั้งรหัสผ่านที่คาดเดายากสำหรับบัญชีผู้ใช้ต่างๆ
สำรองข้อมูลสำคัญ: ผู้ใช้ควรสำรองข้อมูลสำคัญอยู่เสมอ เผื่อกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์ถูกมัลแวร์โจมตี
