หลังจาก Boradcom ได้ควบรวมกิจการของ VMware ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงการคิด license ใหม่จาก เดิมที่เป็น ลักษณะซื้อขาด (Perpetual) เป็นลักษณะรายปี (Subscription) เพิ่มเติมการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ และการให้บริการแก้ไขปัญหาทางเทคนิค ซึ่งจากผลดังกล่าวอาาจะมีผลต่อการวางแผนงบประมาณของผู้ดูแลหลายๆท่าน ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจถึงผลกระทบดังกล่าวกัน
license ที่ซื้อมาก่อนหน้านี้จะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ ?
สำหรับ license ที่ใช้อยู่เดิมแล้ว และยังมี MA อยู่แล้วยังไม่หมดอายุ สามารถใช่ต่อได้ปกติ แต่จะไม่สามารถ upgrade version และต่อ MA ได้แล้ว และหลังจากที่หมดสัญญาแล้วจะต้องเปลี่ยนไปใช้การคิด license แบบ subscription แทน
ทั้งนี้ VMware ยังมีทางเลือกในการ Trade-In สำหรับลูกค้าที่ใช้ Perpetual License เดิมอยู่ เพื่อเปลี่ยนไปสู่ Subscription ในราคาที่คุ้มค่า ลูกค้าสามารถติดตาม Trade-In Program ได้จากทีมงานขายของ A&A
ข้อดีของการต่อ MA มีอะไรบ้าง
- ได้รับ support จาก VMware
- สิทธิในการ upgrade version
- ได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ
วิธีการคิด license แบบใหม่ (Subscription)
การคิด license แบบใหม่นั้น จะคิดจากจำนวน core ของ CPU ที่ลูกค้าใช้งานอยู่ โดยการคิดที่ขั้นต่ำ 16 core license
หากลืมต่อ license แบบ subscription แล้วมีผลอะไรไหม ?
หลายท่านอาจจะมีกังวล ว่าเปลี่ยนการคิด license แบบใหม่แล้ว กรณีที่ลืมต่อ license ระบบยังสามารถใช้งานได้ปกติได้ไหมนั้น ตอบได้ว่า ใช้งานได้ปกติทุกฟังค์ชั่น แต่ไม่สามารถขอ support จาก VMware ได้และสิทธิในการ upgrade version รวมไปถึงลิขสิทธิ์ทางกฏหมาย ด้วยครับ
ตัวอย่าง การคิด license
Scenario 1: ลูกค้ามีการติดตั้ง vSphere จำนวน 2 เครื่อง แต่ละเครื่องมีจำนวน 2 CPU แต่ละ CPU มี จำนวน 16 core จะทำการคิด license รวมทั้งหมด 64 core standard licenses เป็นต้น นอกจากนั้นลูกค้าจะสามารถใช้งาน vCenter ได้ฟรีอีกด้วย หรือซื้อเป็น essential plus edition จะได้ license cover ไม่เกิน 96 core licenses
Scenario 2: ลูกค้ามีการติดตั้ง vSphere จำนวน 2 เครื่อง แต่ละเครื่องมีจำนวน 2 CPU แต่ละ CPU มี จำนวน 8 core จะทำการคิด license รวมทั้งหมด 64 core licenses เป็นต้น เนื่องจาก license ต่ำสุดคิดที่ 16 core นอกจากนั้นลูกค้าจะสามารถใช้งาน vCenter ได้ฟรีอีกด้วย